โชเฟอร์เรือสปีดโบ๊ทโผล่มอบตัวอ้างสุดวิสัย

คนขับเรือสปีดโบ๊ทมอบตัว แจงหตุสุดวิสัยสายไฮโดรลิกเรือขาด บังคับเรือเลี้ยวไม่ได้ เมื่อขับมาเร็ว เรือเอียงจนพลิกคว่ำ มีหวังเจอข้อหาเพิ่ม หลังพบใบอนุญาตขับเรือหมดอายุ ส่วนการค้นหาวันที่สองเจอศพสาวเมืองอุบลฯอีกราย

กรณีเรือสปีดโบ๊ทล่มกลางทะเล ห่างจากท่าเทียบเรือนำเที่ยวหาดบ่อผุด หรืออ่าวบางรักษ์ เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายราย ล่าสุดเวลา 09.30 น. วันที่ 26 มกราคม พ.ต.อ.บัณฑิต ตุงคเศรณี ผกก.3 กองตำรวจน้ำจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้นำตัวนายสำราญ รุ่งเรือง คนขับเรือ เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.อ.เกาะสมุย หลังจากหลบหนีไปอาศัยอยู่ที่บ้านญาติ จากนั้นได้นำตัวนายสำราญไปพบนายวิจิตร วิชัยสาร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี

นายสำราญให้การว่า ได้รับนักท่องเที่ยวมาจากท่าเรือหาดริ้นกว่า 30 คน เมื่อถึงที่เกิดเหตุสายไฮโดรลิกของเรือขาด ทำให้ไม่สามารถควบคุมการเลี้ยวเรือได้ เพราะเรือแล่นมาด้วยความเร็วสูง ตัวเรือเอียงมาทางด้านขวา และนักท่องเที่ยวได้ลื่นไถลมารวมกัน เรือเสียหลักจึงพลิกคว่ำจมลงทันที

แต่หลังจากนั้น นายวิจิตร ได้แถลงข่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบมีผู้โดยสารมากับเรือทั้งหมด 47 คน ช่วยเหลือมาได้ 25 คน เสียชีวิต 8 คน สูญหาย 14 คน ตัวเลขนี้อาจจะเกิดคลาดเคลื่อนได้ เพราะอาจมีการแจ้งรายชื่อซ้ำบ้าง แต่ได้แก้ไขไปแล้ว ส่วนคนขับเรือนั้นพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหากระทำการขับเรือโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตและบาดเจ็บ ขณะนี้กำลังสอบปากคำเพิ่มเติมและควบคุมตัวที่ สภ.อ.เกาะสมุย

นายวิจิตร กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรการด้านการรักษาความปลอดภัยนั้น ทางจังหวัดต้องดำเนินการอย่างจริงจัง และกำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จะไม่มีการอะลุ้มอล่วยอย่างเด็ดขาด หลังจากนี้จะหารือกันอีกครั้งหนึ่ง

ด้านนายสมศักดิ์ สุขสม เจ้าของเรือ กล่าวว่า เรือลำเกิดเหตุได้ทำประกันภัยไว้ครบทุกอย่าง และยินดีรับผิดชอบให้ความช่วยเหลือกับผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตทั้งหมด

ระดมหาศพวันที่สองเจออีก 1

นายวิจิตร ได้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยพร้อมขอความร่วมมือจากกลุ่มเรือประมง ร่วมกันออกค้นหาผู้สูญหายเป็นวันที่สอง โดยวางแผนค้นหาเป็นวงกลม ขยายออกเป็นวงกว้างทั้งในพื้นที่เกาะสมุยและเกาะพะงัน ตามกระแสทิศทางของน้ำทะเล ขณะทางอากาศใช้เฮลิคอปเตอร์ จากหน่วยบินสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบิน 7 และจากกองเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา ทั้งหมด 3 ลำ ซึ่งกองเรือภาคที่ 2 จ.สงขลา ส่งกำลังกว่า 100 นาย และเรือหลวงพระทองออกลาดตระเวนค้นหารอบนอก ขณะที่เรือ ต.17 ค้นหารอบใน ทีมมนุษย์กบลงดำหาศพคาดว่าจะติดอยู่ใต้ทะเล

ขณะที่ตำรวจน้ำได้นำเรือตำรวจน้ำ 433 พร้อมเจ้าหน้าที่กว่า 10 นาย และหน่วยกู้ภัยเกาะสมุย เรือของสมาคมนักกีฬาทางน้ำเกาะสมุย เข้าไปตรวจสอบจุดเรือล่มอีกครั้ง ส่วนสมาคมประมงสุราษฎร์ธานีส่งเรือลากคู่ลงอวนลากค้นหาในพื้นที่เป้าหมาย และส่งนักประดาน้ำดำน้ำลงตรวจสอบด้วย
อำเภอเกาะสมุยได้จัดตั้งศูนย์รับแจ้งและช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากเรือล่มที่ท่าเรือซีบรีซ พร้อมกับนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาจัดแยกประเภทรายชื่อผู้เสียชีวิตและผู้สูญหาย ทั้งนี้สถานทูตสวีเดนและกลุ่มประเทศในยุโรปได้ส่งเจ้าหน้าที่ประมาณ 20 คน มาตรวจสอบหานักท่องเที่ยวที่ประสบเหตุด้วย โดยมีสื่อมวลชนจากต่างประเทศมาทำข่าวที่เกาะสมุยจำนวนมาก

กระทั่งเวลา 15.30 น. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยเกาะสมุยได้พบศพอีก 1 ราย ทราบชื่อคือ น.ส.ปรารถนา สองเมือง จาก จ.อุบลราชธานี โดยลอยมาติดอวนลากของชาวประมงที่ช่วยค้นหา สภาพศพเริ่มส่งกลิ่นเหม็น ตามร่างกายมีร่องรอยบาดแผลจากการถูกกระแทกของแข็ง

พฐ.สรุปบรรทุกน้ำหนักเกิน

ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน กองกำกับการวิทยาการ เขต 10 สุราษฎร์ธานี ได้เข้าตรวจสอบสภาพเรือลำเกิดเหตุ เพื่อหาสาเหตุเรือล่มอีกครั้ง โดยเรือลำดังกล่าวเป็นเรือขนาดความยาว 30 ฟุต พบสายไฮโดรลิกขาด เนื่องจากมีรอยรั่ว แต่ไม่พบร่องรอยการชน ส่วนสายน้ำทิ้งที่หลุดจากข้อต่อนั้นไม่มีผลทำให้เรือจม ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้สรุปว่า สาเหตุของเรือล่มมาจากบรรทุกน้ำหนักเกิน บวกกับกระแสน้ำ คลื่นในทะเล และความเร็วของเรือที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 200 แรงม้าถึง 3 เครื่อง

พบใบอนุญาตขับเรือหมดอายุ

นายเลิศพร ประพฤติธรรม หัวหน้างานการขนส่งทางน้ำที่ 4 สาขาเกาะพะงัน กล่าวว่า สาเหตุที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้สันนิษฐานไว้ 3 ประเด็น คือเรือมีการดัดแปลง คนขับเรือขับเรือด้วยความประมาท และบรรทุกผู้โดยสารเกิน เมื่อตรวจสอบเรือลำเกิดเหตุมีใบอนุญาตถูกต้อง แต่มีการดัดแปลงเครื่องยนต์ ผิด พ.ร.บ.การขนส่งทางน้ำ

ส่วนคนขับเรือคือ นายสำราญ รุ่งเรือง ถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุทำให้ผู้อื่นเสียชีวิต จากการตรวจสอบใบอนุญาตขับเรือของนายสำราญ ได้หมดอายุตั้งแต่ปี 2546 แล้ว ซึ่งคงต้องสอบสวนเพิ่มเติม หากตรวจสอบพบว่าผิดจริง อาจจะต้องแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 1 ข้อหา
อย่างไรก็ตาม เรือโดยสารท่องเที่ยวทุกประเภทบนเกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า มีทั้งสิ้นประมาณ 500 ลำ และพบว่าบางส่วนยังไม่มีการจดทะเบียน ซึ่งทางจังหวัดได้ขอความร่วมมือว่าจากนี้ไปให้ดำเนินการให้เรียบร้อย

ศูนย์สื่อสารแจ้งยอดสูญหาย 24 ราย

รายงานข่าวจากศูนย์สื่อสาร รพ.เกาะสมุย แจ้งว่ายังมีผู้บาดเจ็บ 7 ราย รักษาตัวอยู่ตามโรงพยาบาลต่างๆ โดยที่ รพ.ไทยอินเตอร์ มีอยู่ 5 ราย คือ 1.น.ส.ไมรี วีรี อายุ 24 ปี ชาวเอตโตเนีย 2.น.ส.มารี โอจาซาร์ อายุ 22 ปี ชาวเอตโตเนีย 3.นายเล เฟิร์ดแมน อายุ 22 ปี ชาวอเมริกัน 4.นายทิวโน ลาสกิน อายุ 30 ปี ชาวเอตโตเนีย 5.นายชาเดล เบิร์ดคาล อายุ 35 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ ส่วนที่ รพ.บ้านดอนอินเตอร์ มี 2 ราย คือ นายฟริโดลิน มัฟ อายุ 60 ปี ชาวสวิตเซอร์แลนด์ และนายอินทัต แหชู อายุ 28 ปี

ส่วนรายชื่อผู้สูญหายทั้งหมด 24 คน เป็นคนไทย 7 คน ชาวต่างชาติ 17 คน คือ 1.น.ส.แดง พลเยี่ยม อายุ 28 ปี 2.น.ส.นงนุช บุญส่ง อายุ 24 ปี 3.นายศราวุธ แสนทวีสุข อายุ 22 ปี 4. น.ส.วิภาวี ชินชู อายุ 24 ปี 5.นายฐานันฐ์ ถาวรรัตน์ อายุ 16 ปี 6.นายศุภพจน์ ผ่องแผ้ว (ไม่ทราบอายุ) 7.นายสัญญา ชูเพ็ง (ไม่ทราบอายุ) 8.นายคอนสแตนติน ชอง มี (ไม่ทราบอายุ) ชาวสวีเดน 9.นายเบอร์แรน วอช (ไม่ทราบอายุ) ชาวเยอรมัน 10. นายฮาส สเวนสัน (ไม่ทราบอายุ) ชาวสวีเดน

11.น.ส.เจสสิกา คริสตัล เพาเวล อายุ 30 ปี ชาวอเมริกัน 12.นายแอนเดอรัส สกายไทเนอร์ (ไม่ทราบอายุ) ชาวสวีเดน 13.นางแนนซี่ เวสท์ อายุ 50 ปี ชาวแคนาดา 14.นายเจสัน เอ็ดวูด อายุ 30 ปี ชาวอังกฤษ 15.นายเซียน โอคอล เอแกน (ไม่ทราบอายุและสัญชาติ) 16.นายสก๊อต (ไม่ทราบอายุและสัญชาติ) 17.นายเมรอน แลนเนียวโซ ชาวเอตโตเนีย 18.นางแอนนา เคลเมนซี อายุ 34 ปี ชาวอังกฤษ 19.นายเอลสเตอร์ แบรดลีย์ (ไม่ทราบอายุ) ชาวอังกฤษ 20.นายวูอี โจแอล เวนย์ (ไม่ทราบอายุ) ชาวอเมริกัน 21.นายริชาด แจนสัน (ไม่ทราบอายุ) ชาวสวีเดน 22.นายแอสโม (ไม่ทราบอายุและสัญชาติ) 23.นายเคธ ฟูลบรูก (ไม่ทราบอายุ) ชาวสวีเดน และ 24.น.ส.ซารัน ลูอิส (ไม่ทราบอายุ) ชาวอังกฤษ

ใช้เรือเร็วลุยจับกลางทะเล

นายอภิชาติ นุชนนทรีย์ หัวหน้าสำนักงานกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี จ.สุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า เรือที่เกิดเหตุถูกดัดแปลงเพิ่มเติมจากที่ได้รับอนุญาต คือเพิ่มเครื่องยนต์จาก 2 เป็น 3 เครื่องยนต์ เพื่อทำให้เรือมีความเร็วสูงกว่าที่มาตรฐานกำหนด ทั้งยังบรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวน 32 ที่นั่ง ทำให้เรือสูญเสียการทรงตัวทันที สายไฮโดรลิกบังคับท้ายเรือเกิดขาดและล่มในที่สุด

นายอภิชาติ กล่าวว่า กรณีดังกล่าว กรมการขนส่งทางน้ำฯ จะดำเนินคดีกับคนขับเรือและเจ้าของเรือ ยึดใบอนุญาตเดินเรือ 1 ปี พร้อมทั้งให้เจ้าของหยุดบริการอีก 1 เดือน หากการสอบสวนพบมูลความผิดอื่นๆ จะพิจารณาดำเนินคดีอีกครั้ง

สำหรับมาตรการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นอีก นายอภิชาติ กล่าวว่า จะนำเรือใหญ่ขนาด 130 ฟุต เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการลอยลำกลางทะเล ดูแลความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยวที่ใช้บริการเรือทุกประเภท และจะมีเรือเร็วขนาดเล็กแล่นตรวจสอบ หากพบเรือลำไหนฝ่าฝืนข้อกำหนดหรือมีมูลความผิด จะดำเนินการปรับและจับกุมกลางทะเลทันที ก่อนจะนำนักท่องเที่ยวไปส่งยังที่หมาย
นอกจากนี้ จะเพิ่มเจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือทุกจุด คอยตรวจสอบดูแลความปลอดภัยบนเรือทุกลำ ก่อนที่จะปล่อยให้เรือแล่นออกจากท่า

ตรัง-สตูลสั่งทำประกันทุกลำ

นายวิชัย รัตตมณี นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตรัง กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกรงว่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวทางทะเลของ จ.ตรัง จึงได้หารือกับประธานชมรมเรือท่องเที่ยว ให้ทำประกันเรือทุกประเภท และต้องมีเสื้อชูชีพให้ครบจำนวนของนักท่องเที่ยว และขอความร่วมมือไปยังผู้ประกอบการเรื่องห้ามบรรทุกน้ำหนักเกินกำลังเรือ ส่วนคนขับเรือจะต้องรู้ร่องน้ำและกระแสน้ำเป็นอย่างดี พร้อมกับห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่ประมาท รวมทั้งต้องทำประกันอุบัติเหตุให้แก่ผู้โดยสารคนละ 200,000 บาทด้วย

"ใน จ.ตรังได้ตรวจสอบการท่องเที่ยวทางเรืออย่างเข้มงวด เนื่องจากกรมเจ้าท่าจะลงตรวจสอบอุปกรณ์ช่วยชีวิตในเรือทุกครั้งก่อนที่จะออกเรือ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ" นายวิชัย กล่าวและว่า แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ คือนักท่องเที่ยวจะไม่ติดต่อผ่านบริษัทเรือโดยตรง แต่จะติดต่อกับเรือหางยาวนำเที่ยว ซึ่งตรงนี้จะไม่มีประกันอุบัติเหตุให้ หากเกิดปัญหาขึ้น นักท่องเที่ยวจะไม่สามารถเรียกร้องความเสียหายได้

ด้านนายวินิจ อึงรัตนากร กรรมการผู้จัดการบริษัท สตูลทราเวล จำกัด กล่าวว่า เรือที่ใช้บริการนักท่องเที่ยวในจังหวัด เป็นเรือที่ได้มาตรฐาน ความปลอดภัยสูง อุปกรณ์ เครื่องมือทุกชนิดได้มาตรฐาน จะมีการตรวจสอบทุกครั้งก่อนเดินเรือ อีกทั้งคนขับเรือและผู้ควบคุมเรือทุกคนจะมีใบหนังสือรับรองจากกรมเจ้าท่า แสดงว่าได้ผ่านการอบรมการเดินเรือมาแล้ว

ส่วนนายนเรศ จิตสุจริตวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า โอกาสที่เรือท่องเที่ยว จ.ตรังจะประสบเหตุมีน้อย เนื่องจากทะเลตรังมีน่านน้ำห่างจากฝั่งประมาณ 20 ไมล์ทะเล ซึ่งมีการติดต่อสื่อสารสะดวก สามารถรายงานเหตุได้อย่างทันท่วงที และเรือชายฝั่งมีอยู่จำนวนมาก สามารถให้การช่วยเหลือเบื้องต้นได้
ขณะที่นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้ได้แจ้งกับนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องว่า ควรจะเข้มงวดตรวจสอบสภาพความสมบูรณ์ของเรือให้มีความพร้อมทุกด้าน และให้ควบคุมปริมาณการบรรทุกผู้โดยสาร และเรือที่ใช้ต้องมีมาตรฐานในการเดินเรือด้วย นอกจากนี้ผู้ประกอบการเดินเรือควรจะให้ความรู้ความเข้าใจแก่นักท่องเที่ยวเกี่ยวกับความปลอดภัยระหว่างเดินเรือ

ระยองเสนอตั้งคณะทำงานคุมเข้ม

นางพิศจุไร ปานทิพย์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ระยอง กล่าวว่า เรือให้บริการนักท่องเที่ยวตามหมู่เกาะต่างๆ มีทั้งเรือโดยสารข้ามฟาก เรือนำเที่ยวและเรือเร็ว ซึ่งหลังเกิดเหตุเรือล่ม จะเสนอผู้ว่าราชการจังหวัดให้จัดตั้งคณะทำงานออกตรวจสอบผู้ประกอบกิจการเรือในจังหวัด โดยเน้น 3 เรื่องหลัก คือการดัดแปลงเรือ ห้ามบรรทุกน้ำหนักเกิน และดูแลให้ผู้โดยสารใส่เสื้อชูชีพทุกคน โดยจะออกตรวจตามท่าเรือและสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อป้องกันอันตรายอันอาจเกิดขึ้นได้

ด้านนายสนิท บุญมาฉาย สมาชิกสภาเมืองพัทยา และประธานชมรมเรือท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าวว่า ปัจจุบันเมืองพัทยามีเรือเร็วแล่นระหว่างฝั่งพัทยาและเกาะล้านประมาณ 500 ลำ ที่ผ่านมาได้ให้ผู้ประกอบการเรือต้องเน้นกับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทาง โดยทุกคนจะต้องสวมเสื้อชูชีพ หากไม่สวมจะต้องถือเสื้อชูชีพไว้ในมือเพื่อความปลอดภัยกรณีเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา เมืองพัทยายังไม่เกิดอุบัติเหตุทางทะเลอย่างรุนแรง หรือทำให้นักท่องเที่ยวเสียชีวิตจำนวนมาก

"เมืองพัทยาเคยเกิดอุบัติเหตุทางทะเลประมาณเกือบ 30 ปีที่แล้ว โดยเรือแสงแก้วล่มกลางทะเล ระหว่างฝั่งเกาะล้านและพัทยา ตอนนั้นมีผู้เสียชีวิตเกือบร้อยคน หลังจากนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีก" นายสนิท กล่าว