อันดามันวิกฤติแล้ง สภาพเหลือแค่น้ำหยด

"สึนามิ" ทำอันดามันเจอภัยแล้งหนัก เหตุแหล่งกักเก็บน้ำสำรองเสียหายยับจากฤทธิ์สึนามิ โดยเฉพาะ อ.ท้ายเหมือง ส่วนภูเก็ต คาดมีน้ำใช้อีกแค่ 3 เดือน หากฝนไม่ตกต้องขอทำฝนเทียมแล้ว ส่วนชาวสวนเงาะสุราษฎร์ฯ วิกฤติ สวนผลไม้เริ่มเสียหายแล้ว 200 ไร่ แต่ผู้ว่าฯ ระบุยังไม่พบพื้นที่วิกฤติหนัก ส่วนชาวขอนแก่นเจอภัยแล้ง โชคดีพระบริจาคเงินซื้อน้ำแจก

นอกจากความเสียหายที่เกิดขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคม 2547 แล้ว ผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ ก็ยังขยายผลให้จังหวัดชายฝั่งอันดามันที่เจอคลื่นยักษ์ กำลังประสบปัญหาภัยแล้งต่ออีกครั้ง

นายเกียรติศักดิ์ ตันทสันติสกุล ผอ.สำนักชลประทานที่ 15 ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ตอนบน เปิดเผยเรื่องนี้ว่า ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงหน้าแล้งปีนี้ มีแนวโน้มรุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่เก็บในแหล่งน้ำสำรองก็มีน้อย เพราะกักเก็บน้ำฝนได้เพียง 70% ของแหล่งกักเก็บน้ำสำรองที่มี จึงจำเป็นจะต้องปรับแผนการทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ที่ขาดแคลนอย่างเร่งด่วน

ในส่วนของจังหวัดฝั่งอันดามันที่ได้รับผลพวงจากคลื่นยักษ์สึนามินั้น นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า คลื่นยักษ์ทำให้แหล่งน้ำธรรมชาติที่อยู่ใกล้ชายทะเลเสียหาย ทำให้มีปัญหาเรื่องน้ำอุปโภคสำหรับหน้าแล้งปีนี้ โดยเฉพาะที่ จ.พังงา ซึ่งแหล่งกักเก็บน้ำตามธรรมชาติได้รับความเสียหายอย่างหนัก จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ออกไปสูบน้ำทะเลในบ่อ รวมถึงดูดโคลนที่อยู่ภายในแหล่งน้ำ เพื่อระดมกักเก็บน้ำไว้ใช้ในเดือนมีนาคมนี้

"ที่พังงาตอนนี้ พบว่าน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติจากภูเขาที่เคยนำมาใช้ เหลือเพียงน้ำหยดเท่านั้น ในขณะที่โครงการขุดบ่อน้ำบาดาลใหม่ และพัฒนาบ่อน้ำบาดาลเดิมที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิก็ต้องเร่งให้ทัน แต่ต้องรองบประมาณกลางปี ทำให้การช่วยเหลือบางส่วนต้องพึ่งพาโครงการชลประทานขนาดเล็กในพื้นที่ โดยต่อท่อส่งน้ำไปยังเขตชุมชนชั่วคราวที่ชาวบ้านผู้ประสบภัยสึนามิอาศัยอยู่ไปก่อน" ผอ.สำนักชลประทานที่ 15 กล่าว

เร่งแก้ปัญหาท้ายเหมือง

นายเกียรติศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในพื้นที่ อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ถือเป็นจุดที่จะต้องเร่งเข้าไปดูแลและช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เนื่องจากคลื่นยักษ์สึนามิทำลายแหล่งน้ำธรรมชาติจนเสียหายหนัก รวมถึงพื้นที่ประกอบการของภาคธุรกิจเอกชนที่กำลังเร่งก่อสร้างใหม่ ซึ่งจำเป็นต้องใช้น้ำอย่างมาก จึงต้องระดมขุดและล้างบ่อเก็บน้ำที่ถูกซากปรักหักพังจากเหตุการณ์ดังกล่าวให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว เพื่อสามารถสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงหน้าแล้งได้

ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เช่น ภูเก็ต หรือเกาะสมุย ฝั่งอ่าวไทยนั้น ผอ.สำนักชลประทานที่ 15 กล่าวว่า มีปัญหาไม่น้อย สำนักงานจึงได้ประสานหน่วยงานในพื้นที่เพื่อขนส่งและลำเลียงน้ำจากชลประทานขนาดเล็กเข้าไปช่วยเหลือ รวมถึงการขุดบ่อบาดาล หรือสร้างสถานที่กักเก็บน้ำสำรอง แต่ติดปัญหาคือบางพื้นที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเป็นสถานที่ราชพัสดุ หรือเส้นทางต่อท่อส่งน้ำวางผ่านที่ดินผู้มีเจ้าของทำให้การดำเนินการล่าช้าออกไปมาก

ต้องลดพื้นที่นาปรัง

จากปัญหาดังกล่าว นายเกียรติศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ใน จ.นครศรีธรรมราช และใกล้เคียง ต้องดึงน้ำจากลุ่มน้ำปากพนังส่งไปยังพื้นที่ทำการเกษตรของเกษตรกรและชาวบ้าน โดยปริมาณระดับน้ำในเขื่อนลดลงทุกวัน แต่มั่นใจว่าจะเพียงพอรองรับไปจนกระทั่งสิ้นสุดหน้าร้อนปีนี้ เป็นห่วงพื้นที่อื่นมากกว่า จึงจำเป็นต้องมีการเตรียมน้ำสำรองเพื่อช่วยเหลือล่วงหน้า เพราะหากรอรับจากเขื่อนปากพนังอย่างเดียวคงไม่เพียงพออย่างแน่นอน

"เราจำเป็นต้องประกาศเตือนให้เกษตรกรชาวนาทราบ เพื่อลดพื้นที่ทำนาปรังให้เหลืออยู่ในอัตราที่ปริมาณน้ำสำรองที่มีอยู่รองรับได้ หากไม่ควบคุมปัญหาจะเกิดขึ้นกับเกษตรกรเหล่านี้ คือไม่มีปริมาณน้ำเพียงพอที่จะทำนาอย่างแน่นอน" ผอ.สำนักชลประทานที่ 15 กล่าว

คาดอีก 3 เดือนภูเก็ตวิกฤติ

นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เปิดเผยว่า ปัญหาภัยแล้งใน จ.ภูเก็ต ขณะนี้ น้ำที่มีอยู่ในเขื่อนบางวาด ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีน้ำเพียงพอใช้ไปอีกประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งหมายถึงหากฝนไม่ตกลงมาก็จะมีปัญหาอย่างแน่นอน แต่จังหวัดได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว โดยจะทำเรื่องขอทำฝนเทียม

"เรื่องขอฝนเทียม อาจจะติดขัดในเรื่องหลักเกณฑ์บ้าง เพราะภูเก็ตไม่มีพื้นที่ในการทำเกษตร ดังนั้นจะใช้เงื่อนไขการเป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะหากน้ำไม่เพียงพอก็จะมีผลกระทบกับการประกอบการและประชาชน รวมทั้งจะเร่งรัดในเรื่องของการจัดสร้างอ่างเก็บน้ำคลองกะทะ อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้นำน้ำมาใช้ได้" รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าว

เกาะท่องเที่ยวสตูลขาดแคลนน้ำ

นายกฤชชัย หอพิสุจพิสาร ผู้ใหญ่บ้านเกาะหลีเป๊ะ หมู่ 7 ต.เกาะสาหร่าย อ.เมือง จ.สตูล เปิดเผยว่า หลายพื้นที่ในจังหวัดกำลังเจอปัญหาแล้ง จึงเรียกร้องให้ทางการเข้ามาช่วยเหลือวิกฤติภัยแล้งอย่างจริงจังกว่านี้ เพราะที่ผ่านมายังฉาบฉวยอยู่ โดยเฉพาะที่เกาะหลีเป๊ะ พบว่ากำลังประสบภัยแล้งอย่างหนัก รวมทั้งเกิดไฟไหม้หลายครั้ง ขณะที่ชาวเลและประชาชนบนเกาะก็ไม่มีภาชนะเก็บกักน้ำที่ทางราชการหรือทหารเรือนำไปแจก เช่นเดียวกับที่เกาะอาดัง ซึ่งมีน้ำเพียงพอ แต่ไม่มีภาชนะบรรจุเช่นกัน

"ปัญหาขณะนี้ คือช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาบนเกาะหลีเป๊ะวันละไม่ต่ำกว่า 1,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำอย่างหนัก แม้ว่าทางทหารเรือจะเข้ามาช่วยเหลือทันที หากมีการร้องขอจากชาวเกาะหลีเป๊ะ แต่ก็เหมือนกับปีที่แล้ว เพราะเมื่อทหารเรือได้เข้ามาช่วยเหลือ แต่กลับไม่นำภาชนะเก็บน้ำมาให้" ผู้ใหญ่บ้านเกาะหลีเป๊ะ กล่าว

ส่วนแผนแก้ปัญหานั้น ในงบประมาณปี 2548-2549 อบต.เกาะสาหร่าย ได้ส่งแผนขอผลิตประปาไป โดยเสนอของบประมาณ 5,000,000 บาท ซึ่งหากจังหวัดและอำเภอต้องการช่วยเหลือชาวเกาะหลีเป๊ะก็ควรจะเร่งอนุมัติประปาลงเกาะหลีเป๊ะเป็นการเร่งด่วน เพื่อไม่ให้ประสบภัยแล้งซ้ำซากต่อไป

สุราษฎร์ฯ วิกฤติหนัก

ส่วนที่ จ.สุราษฎร์ธานีผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝนทิ้งช่วงทำให้พื้นที่สวนผลไม้หลายแห่งเริ่มขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะที่ อ.บ้านนาสาร มีสวนผลไม้ได้รับความเสียหายแล้ว 200 ไร่ ทั้งสวนส้มโชกุน สวนเงาะ สวนทุเรียน และสวนมังคุด

นางกาญจน์ณิชา พัฒน์จร ชาวสวนเงาะ อ.บ้านนาสาร กล่าวว่า ปีนี้อากาศร้อนจัด เนื่องจากฝนทิ้งช่วงนาน และแหล่งน้ำที่มีอยู่ส่วนใหญ่เป็นบ่อน้ำตื้นที่อาศัยน้ำจากคลองฉวางเพื่อปลูกสวนผลไม้ ซึ่งขณะนี้ตนต้องอาศัยน้ำจากบ่อน้ำตื้นและลำคลองใกล้บ้านมารดน้ำสวนผลไม้ จึงยังไม่มีปัญหามากนัก แต่ที่หวาดหวั่น คือในเดือนเมษายน หากฝนยังไม่ตกกลัวภัยแล้งจะรุนแรง

นายธานี เทือกสุบรรณ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ได้ให้ความช่วยเหลือเกษตรกร โดยเทศบาลเมืองบ้านนาสารขอความช่วยเหลือรถบรรทุกน้ำไปช่วยเหลือประชาชนตามชุมชนต่างๆ บางส่วน เช่น ชุมชนวงล้อ ชุมชนทองหลาง ชุมชนคลองหา และชุมชนห้วยมุด ซึ่งมีประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 200 ครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวอำเภอบ้านนาสารได้รับความเดือดร้อนมากสุดในขณะนี้ เนื่องจากแหล่งน้ำสำคัญคือ คลองฉวาง และคลองสายเล็กๆ ที่แยกออกไปอีกหลายสายน้ำเริ่มแห้งขอด โดยประชาชนร่วมกับเทศบาลเมืองบ้านนาสาร ต้องจัดทำฝายกั้นน้ำทั้งหมด 8 จุด เพื่อจะได้นำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำจากคลองฉวางนำไปรดน้ำตามสวนผลไม้ต่างๆ ของเกษตรกร

ผู้ว่าฯ ปากแข็งไม่วิกฤติ

ส่วนนายวิจิตร วิชัยสาร ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้งในจังหวัดยังไม่มีพื้นที่ใดที่วิกฤติมากนัก โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปสำรวจพื้นที่ความเสียหาย โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า ซึ่งภาครัฐและผู้ประกอบการได้จัดเตรียมน้ำสำหรับบริการประชาชนไว้เบื้องต้นแล้ว

"หากฉุกเฉินจริงๆ คงต้องมีการสำรองน้ำจากฝั่งบนบกเข้าไปให้การช่วยเหลือ ส่วนการแก้ไขปัญหาระยะยาวได้เตรียมวางแผนไว้แล้วเช่นกัน ทั้งในส่วนของการจัดหาสถานที่เก็บกักน้ำดิบ ปรับปรุงระบบชลประทานต่างๆ ตามนโยบายของรัฐบาลเพื่อรองรับการท่องเที่ยว โดยมองว่าเป็นปัญหาเดิมๆ ที่ซ้ำซาก ขณะนี้ทางจังหวัดได้พยายามที่จะช่วยเหลือวางแผลในระยะยาวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด" ผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี กล่าว
พระควักเงินวัดซื้อน้ำแจกชาวบ้าน

นายนันท์ ชึดนอก ผู้ใหญ่บ้านบ้านบก หมู่ 7 ต.หนองสองห้อง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ประปาหมู่บ้านที่กรมอนามัยสนับสนุนงบประมาณสร้างขึ้นมูลค่ากว่า 7 ล้านบาท ได้หยุดดำเนินการมาตั้งแต่เดือนสิงหาคม เนื่องจากแหล่งน้ำดิบที่ได้จากหนองมะเฟืองมีปริมาณน้ำลดลงเกินกว่าที่จะสูบขึ้นมาใช้ได้ ทำให้ชาวบ้านต้องไปอาศัยแหล่งน้ำจากหนองน้ำอื่น ซึ่งค่อนข้างจะเหลือน้อยและเป็นขุ่นตม
ผลจากภัยแล้งที่ไม่มีน้ำประปาใช้ นายนันท์ กล่าวว่า พระอาจารย์บุญโฮม เจ้าอาวาสวัดบ้านบกประชาร่วมจิต ซึ่งเป็นพระสงฆ์เพียงรูปเดียวของหมู่บ้าน ได้บริจาคเงินซื้อน้ำประปาจากบ่อบาดาลของหมู่บ้านโคกล่าม ที่อยู่ห่างไปประมาณ 500 เมตร และวางท่อข้ามทุ่งนามายังถังน้ำของวัดเพื่อแบ่งปันให้ชาวบ้านบกได้ใช้

ร้องรัฐบาลหาแหล่งน้ำด่วน

ที่ จ.เชียงใหม่ นายองอาจ กิตติคุณชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท เคซี เชียงใหม่อุตสาหกรรมอาหาร จำกัด ในฐานะรองประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ปัญหาภัยแล้งในภาคเหนือได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปทางการเกษตร โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวโพดอ่อน ซึ่งบริษัทเข้าไปส่งเสริมปลูกพืชครบวงจร กำลังประสบกับปัญหาภาวะขาดแคลนน้ำอย่างหนัก และมีความเป็นไปได้ว่าจะส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตข้าวโพดกระป๋องแปรรูปอย่างหนักภายใน 1-2 เดือนข้างหน้านี้
"ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการอุตสาหกรรมแปรรูปรายใหญ่รายหนึ่งของภาคเหนือ ผมอยากให้รัฐบาลได้เร่งเข้ามาให้การช่วยเหลือจัดหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในเขตพื้นที่ตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างขึ้นมาจนถึงภาคเหนือตอนบนเร่งด่วน เพราะเป็นแหล่งเพาะปลูกหลักที่ป้อนวัตถุดิบให้กับโรงงานอุตสาหกรรมแปรรูปทางการเกษตร โดยบริษัทมีมูลค่าการจัดส่งข้าวโพดกระป๋องไปจำหน่ายยังกลุ่มประเทศยุโรปปีละกว่า 300 ล้านบาท" นายองอาจ กล่าว

ผู้ว่าฯ จวก ขรก.ไม่จริงใจแก้ไขปัญหาภัยแล้ง

เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายปรีชา บุตรศรี ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ ได้เป็นประธานการประชุมประจำเดือนคณะกรรมการและหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ประจำเดือนกุมภาพันธ์ ที่ห้องประชุมศิลาอาสน์ ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัด โดยนายปรีชาแจ้งให้ทราบได้แจ้งถึงสถานการณ์ภัยแล้งของจังหวัด โดยเฉพาะใน อ.พิชัย ซึ่งพื้นที่การเกษตรเสียกว่า 6 ล้านบาท และที่ ต.ข่อยสูง อ.ตรอน ซึ่งเกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานต้องประสบปัญหาขาดน้ำเพื่อการเกษตรถึงขั้นแย่งน้ำ ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นอยากให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นชลประทานจังหวัด เกษตรจังหวัด เขื่อนสิริกิติ์ ให้ประสานนายอำเภอในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือชาวบ้านเป็นการด่วน

"การทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งจะได้ผลต้องมีการพูดคุยกัน ไม่ใช่ต่างฝ่ายต่างทำงานและให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะการรณรงค์ให้ลดพื้นที่ทำนาปรัง ส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อย ที่ทุกวันนี้ยังไม่สามารถทำได้ ชาวบ้านยังคงเพิ่มพื้นที่ทำนาปรังเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเกิดปัญหาการแย่งน้ำ ทั้งนี้การรณรงค์ต้องทำก่อน ไม่ใช่แล้งแล้วค่อยดำเนินการซึ่งหากในช่วงทำนาปรังรอบ 2 ยังไม่สามารถให้เกษตรกรงดทำนาได้จะเกิดปัญหาไม่มีน้ำ" ผู้ว่าฯ อุตรดิตถ์ กล่าว