อธิบดีกรมอุตุฯหวั่นพายุโซนร้อน "หมุ่ยฟ้า" ทวีกำลังขึ้นเป็นไต้ฝุ่น ขณะที่เมืองคอนสั่งอพยพชาวบ้านนับพันคนในพื้นที่เสี่ยง ส่วนที่สุราษฎร์ฯงดเดินเรื่อเฟอร์รี่แล้ว พร้อมยกเลิกงานฟูลมูนปาร์ตี้ที่เกาะพงันอย่างไม่มีกำหนด เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
นายศุภฤกษ์ ตันศรีรัตนวงศ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา แถลงเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาว่า ขณะนี้ พายุโซนร้อน"หมุ่ยฟ้า" มีศูนย์กลางอยู่ในอ่าวไทยห่างจากฝั่งจ.นครศรีธรรมราช 300 กิโลเมตร และจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่ง ด้าน อ.ขนอม ท่าศาลา และอ.สิชล ในคืนวันนี้ โดยมีความเร็วลมในระดับความรุนแรงใกล้เคียงกับพายุโซนร้อนลินดา ที่เคยถล่มภาคใต้ของไทยเมื่อปี 2540
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ พายุนี้เกือบจะไม่เคลื่อนที่ ซึ่งอาจจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุไต้ฝุ่นได้ และพรุ่งนี้เช้า จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ฝั่งอันดามัน ผ่านทาง จ.ระนอง ภูเก็ต และ จ.กระบี่ แต่เนื่องจากจังหวัดเหล่านั้น เป็นแหล่งท่องเที่ยว จึงต้องเตือนเรือนำเที่ยว ห้ามออกจากฝั่งอย่างเด็ดขาด
นางเพ็ญศรี แก้วคุ้มภัย หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้สั่งให้ชาวบ้านอพยพออกจากพื้นที่ชายทะเลในพื้นที่ตลอดแนวชายฝั่งทุกอำเภอทั้งหมดแล้ว ซึ่งในแต่ละอำเภอจะมีจุดรวมคนอยู่ ดังนั้นเชื่อว่าความสูญเสียของคนนั้นจะไม่มีเลย
นางเพ็ญศรี กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์พบว่า ศูนย์กลางของพายุจะเข้าสู่ฝั่งในพื้นที่แนวระหว่างอ.หัวไทรไปจนถึง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะขึ้นที่นครศรีธรรมราช และในพื้นที่ชายฝั่งทะเลนั้น พบว่าสภาพน้ำทะเลเริ่มหนุนสูงขึ้นแล้ว
นายอนุวัฒน์ มณวิจิตร นายอำเภอปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานในพื้นที่ได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มพิกัด และได้สั่งให้ทุกโรงเรียนในพื้นที่ อ.ปากพนัง โดยเฉพาะพื้นที่ริมชายฝั่งทะลให้หยุดการเรียนการสอนทั้งหมดและปล่อยให้นักเรียนกลับบ้านทุกคน
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ล่อแหลมที่สุดคือ พื้นที่แหลมตะลุมพุก ล่าสุดได้อพยพทุกครัวเรือนออกจากพื้นที่แล้วโดยให้มาอยู่ในตัวอำเภอชั้นในตามโรงเรียนและศาลาประชาคม
นายประเทือง ทิพย์มาศ นายกสมาคมชาวประมงปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ได้ใช้วิทยุโทรคมนาคมแจ้งเตือนไปยังเรือประมงทั้งขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่ออกหาปลาให้รีบกลับเข้าฝั่ง เพื่อความปลอดภัยของลูกเรือ ปรากฏว่า เช้าวันนี้ได้มีเรือประมงเข้าฝั่งแล้วประมาณ 500 ลำ จากจำนวนเรือประมงในพื้นที่ปากพนังประมาณ 1,000 ลำ ส่วนเรือขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างไกลฝั่งต้องใช้เวลาเดินทาง 3 วัน 3 คืน ก็ได้พยายามนำเรือเข้าเทียบท่าหลบพายุตามเกาะต่างๆ
"บางส่วนก็ได้แจ้งมาให้ทราบว่า ได้นำเรือเข้าเทียบที่ชายฝั่งของ จ.ปัตตานี และสงขลาแล้ว คาดว่าเรือประมงอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะได้มีการแจ้งเตือนให้ระมัดระวังพายุล่วงหน้าแล้ว" นายประเทือง กล่าว
นายประเทือง กล่าวอีกว่า นอกเหนือจากนั้น ยังมีลูกเรือประมงที่อยู่ห่างไกลชายฝั่งวิทยุมาบอกว่า ได้มีคลื่นใหญ่สูงประมาณ 4 - 5 เมตร ซึ่งเรือเล็กไม่สามารถที่จะต้านทานได้อย่างแน่นอน แต่ไม่น่าเป็นห่วงมากนัก เพราะผลกระทบอาจจะไม่มาก แม้ว่าส่วนหนึ่งจะติดต่อไม่ได้ แต่คาดว่าได้เข้าไปหลบตามเกาะที่ปลอดภัยแล้ว
ด้านนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ย้ำการเฝ้าระวังในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ 8 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เกาะสมุย เกาะพะงัน ดอนสัก กาญจนดิษฐ์ พุนพิน ท่าฉาง ไชยา และ อ.ท่าชนะ ให้เฝ้าระวังติดตามข่าวสารพยากรณ์อากาศ และติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องแล้ว
มีรายงานว่า นายธวัชชัย ได้เดินทางไปที่ท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ ที่ อ.ดอนสัก เพื่อตรวจสอบการเดินเรือทั้ง 2 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือเฟอร์รี่ของบริษัทราชาเฟอร์รี่ จำกัด และบริษัทซีทรานเฟอร์รี่ จำกัด เนื่องจากท่าเทียบเรือดังกล่าวใช้เดินทางไปเกาะสมุยและเกาะพะงัน และด้วยสภาพอากาศที่ยังคงมีคลื่นลมแรง ทั้ง 2 บริษัท จึงประกาศหยุดการเดินเรือเฟอร์รี่ไปเกาะสมุยและเกาะพะงัน ตั้งแต่เวลา 10.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าพายุจะผ่านพ้นและกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยก่อนหน้านี้ได้มีนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศได้เดินทางเรือเฟอร์รี่ไปก่อนหน้านี้แล้วเพื่อไปลงที่เกาะสมุยและเกาะพะงันเพื่อต้องการไปเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้หาดริ้นเกาะพะงัน ซึ่งตรงกับวันลอยกระทงพอดี
นายธวัชชัย เปิดเผยว่า ได้จัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจแก้ไขปัญหาอุทกภัย วาตภัย และโคลนถล่ม ที่ศาลากลางจังหวัด โดยได้จัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ ในทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันสำหรับการเดินเรือทุกประเภทงดออกจากฝั่งในช่วงนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เกาะสมุย ได้มอบหมายให้นาย ธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล นายอำเภอเกาะสมุย จัดรถแห่ไปรอบเกาะเพื่อเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวให้ระมัดระวังเรื่องการลงเล่นน้ำ บริเวณชายหาดให้ทำเครื่องหมายเป็นเครื่องหมายสีแดงซึ่งหมายถึงเขตพื้นที่อันตรายห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด
นายธวัชชัย กล่าวว่า สำหรับเรื่องของนักท่องเที่ยวและประชาชนที่อยู่บนเกาะสมุย แม้ว่าเรือเฟอร์รี่จะไม่วิ่งแต่ก็สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัยไป ไม่ต้องห่วงในเรื่องของอาหารเพราะสามารถรองรับได้ถึง 1 สัปดาห์ แต่ในส่วนของเกาะพะงัน และ เกาะเต่า มีอาหารรองรับได้ประมาณ 3 วัน ซึ่งหลังจากนั้นหากพายุยังไม่สงบได้ประสานงานกับกองเรือภาคที่ 2 เพื่อลำเลียงอาหารและเตรียมการอพยพประชาชนและนักท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตามสำหรับในส่วนของเกาะพะงัน บริเวณหาดริ้น ซึ่งเป็นสถานที่จัดฟูลมูนปาร์ตี้ ขอเลื่อนการจัดงานไปไม่มีกำหนด เพราะเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และได้ย้ำเตือนให้นักท่องเที่ยวที่อยู่ในพื้นที่ดังกล่าวไม่ต่ำกว่า 3,000 - 4,000 คน ให้ระมัดระวังเรื่องของการลงเล่นน้ำ ส่วนในพื้นที่เกาะเต่า ที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศติดเกาะและไม่ต้องการที่จะเดินทางกลับประมาณ 500 คน ประชากร 1,000 คน เจ้าหน้าที่ของรัฐและพนักงานตามสถานประกอบการต่าง ๆ ประมาณ 1,000 คน ทุกคนได้อยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว
ด้านนายชูศักดิ์ วังสมบัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัทราชาเฟอร์รี่ จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบริษัทราชาเฟอร์รี่ ได้งดการเดินเรือหลังเวลา 10.00 น.เป็นต้นไป โดยในช่วงเช้าตั้งแต่เวลา 06.30 น. - 10.00 น.เรือเฟอร์รี่ได้เดินทางไปเกาะสมุย เป็นปกติ จำนวน 5 เที่ยว ส่วนใหญ่เป็นรถบรรทุกที่ข้ามฟาก เพื่อลำเลียงอาหารและน้ำมันลงไปในพื้นที่เกาะสมุย และประชาชนในเกาะสมุย ส่วนนักท่องเที่ยวเดินทางลงไปค่อนข้างน้อย และสำหรับเกาะพะงัน อนุญาตให้เรือเฟอร์รี่ข้ามฟากเพียงเที่ยวเดียวคือเที่ยวเวลา 10.00 น.เท่านั้น และส่วนใหญ่เป็นการลำเลียงอาหารและน้ำมันเช่นเดียวกัน ทั้งนี้สำหรับเที่ยวอื่น ๆ คงระงับการเดินเรือไม่มีกำหนด
นายแสนยา ดวงมณี นายสถานีเดินรถ ( บขส.) สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า สำหรับในส่วนของการลำเลียงนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากเกาะสมุย ,พะงัน ทาง บขส.สุราษฎร์ธานีได้จัดเตรียมรถไว้บริการจำนวน 7 คัน โดยเป็นรถร่วม 3 คัน รถ บขส. 4 คัน เพื่อบริการนักท่องเที่ยวที่ประสงค์จะเดินทางกลับ
ด้านศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ออกประกาศฉบับที่ 2 เรื่องพายุโซนร้อน “หมุ่ยฟ้า” ว่า เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 25 พ.ย.2547 พายุโซนร้อน “หมุ่ยฟ้า” มีศูนย์กลางอยู่ในอ่าวไทย ประมาณแลตติจูด 8.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 103.8 องศาตะวันออก ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
กรมอุตุฯคาดว่า พายุนี้จะเคลื่อนตัวผ่านภาคใต้บริเวณระหว่าง อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช กับ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ประมาณหลังเวลา 24.00 น. วันที่ 25 พ.ย. นี้ ซึ่งจะทำให้มีลมพัดแรง และฝนตกหนักถึงหนักมาก ในบริเวณตั้งแต่ จ.ชุมพร ลงมาถึง จ.สงขลา โดยจะเริ่มมีฝนตกในวันนี้ (25 พ.ย.47) ตั้งแต่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เรื่อยลงมาถึง จ.สงขลา อาจทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากขึ้นได้
พร้อมเตือนว่า เฉพาะคืนวันที่ 25 พ.ย. ถึงวันที่ 26 พ.ย. ขอให้ประชาชนที่อยู่บริเวณชายฝั่งใน จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช ให้ระมัดระวังและหลีกเลี่ยงอันตราย และความเสียหายจากพายุลมแรง ฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จะติดตามและรายงานให้ทราบเป็นระยะๆ
ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทย บริเวณใกล้ศูนย์กลางพายุในรัศมี 200 กิโลเมตร จะมีคลื่นลมแรงจัด ความเร็วลมประมาณ 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความสูงของคลื่นประมาณ 5 เมตร ซึ่งเป็นอันตรายต่อการเดินเรืออย่างยิ่ง ควรหลีกเลี่ยงเข้าใกล้บริเวณพายุ และติดตามข่าวพยากรณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
นายต่อศักดิ์ วานิชขจร ผู้อำนวยการ ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก กล่าวว่า ขณะนี้ได้ออกประกาศให้เรือทุกชนิดงดออกจากฝั่ง และเตือนไปยังชาวประมง หากไม่เชื่อฟังออกเรือไปทำประมงอีก ทางราชการจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ ต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลา 14.00 น. วันนี้ (25 พ.ย.) ที่ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก อ.เมือง จ.สงขลา นายสุเทพ โกมลภรณ์ รองผู้ว่าราชการสงขลา จะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาประชุมฉุกเฉินรับฟังสถานการณ์ของพายุ "หมุ่ยฟ้า" และเตรียมการรับมือต่อไป